มุมมองต่อฟาซาด กับการสื่อสารงานสถาปัตยกรรม
จูน เซกิโน่
หากจะพูดว่า ฟาซาดเป็นหน้าตาของสถาปัตยกรรม ก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะฟาซาดคือมุมมองแรก
เห็นของอาคาร หากแต่ความหมายของฟาซาดมีมากกว่าที่เราคิด ทั้งเรื่องความงาม ฟังก์ชั่น และ
บ่งบอกความเป็นตัวตน เราชวน คุณจูน เซกิโน่ แห่ง Junsekino Architect and Design พูดคุยเกี่ยว
กับฟาซาดดีไซน์ ตั้งแต่ความหมาย จากอดีตถึงปัจจุบัน ความสนุกในการทำงานฟาซาดดีไซน์ ไป
จนถึงอนาคตของงานออกแบบฟาซาดของสถาปัตยกรรม
นิยามคำว่าฟาซาดในทรรศนะของคุณจูน
จริงๆ ฟาซาดผมมองว่ามันพึ่งมาพูดกันไม่นานนี้เอง ในความรู้สึกของผมนะ เมื่อก่อนอาคารมันก็คง
ในแง่ของตัว โครงสร้างก็บอกตัวตนของอาคาร การออกแบบเอง แต่กับฟาซาด หลักๆ มันทำหน้าที่
มากกว่าเรื่องของโครงสร้าง มากกว่าองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรม มันข้ามไปเรื่องของตัวตนของผู้
ใช้งานข้างใน ตัวตนของแบรนด์ หรือข้าม ไปเป็นตัวบ่งชี้กิจกรรม กิจการ พฤติกรรมที่อยู่ในอาคารซึ่ง
ฟาซาดเป็นหนึ่งในเครื่องมือ อาจจะไม่ใช่เครื่องมือหลัก แต่เป็นส่วนประกอบที่ทำให้คนรับรู้ เข้าใจได้
ว่าอาคารนี้ทำอะไรต้องการสื่ออะไร และเชื่อมโยงกับผู้คนอย่างไร
ถ้าเป็นยุคหนึ่ง เราก็คงใช้การขายแบบขายตรง งานกราฟิกเขียนบอกโดยตรง แต่ปัจจุบันนี้ ผมมอง
ว่าฟาซาดกลม กลืนกลายเป็นคาแร็กเตอร์ของตัวอาคาร พูดง่ายๆ ว่าบอกว่าเราเป็นใครผ่านทางสถา
ปัตยกรรม เหมือนกับหน้ากาก มือถือ หรือเสื้อผ้าที่สวมใส่ ฟาซาดก็บอกบุคลิกของอาคารเหมือนกัน
คุณสมบัติของฟาซาด
ข้อแรก มันเป็นภาษาหรือข้อมูลในการสื่อสารได้ ข้อสอง ฟาซาดเป็นส่วนหนึ่งของอาคาร อย่างการ
ป้องกันแดดลมฝน แสดงว่าเริ่มมีฟังก์ชั่นในทางสถาปัตยกรรมมากกว่าการแสดงตัวเอง ผมรู้สึกว่านี่
แหละเป็นสิ่งที่น่าสนใจ คือมันไม่ใช่ แค่ทำให้รับรู้ แต่มันสามารถเป็นส่วนหนึ่งของอาคารได้ หรือถ้า
ตัวมันเองสามารถเพิ่มฟังก์ชั่นมากกว่าที่เราคุ้นเคยเข้าไปอีก อาจจะเป็นโซลาร์เซลล์ หรือเป็นสวน
แนวตั้ง ก็ทำให้เรากลับมาคิดว่า หรือจริงๆ มันสามารถเติมเต็มบางอย่างที่อาคารมีไม่ได้ เช่นตึกแถว
อยากมองเห็นต้นไม้ ฟาซาดก็ เป็นสวนแนวตั้งให้ได้ สุดท้ายฟาซาดก็เป็นการเชื่อมโยงผู้คนผ่าน
ทางการมองเห็นและความรู้สึก
ฟาซาดกับไลฟ์สไตล์
ฟาซาดจะมีสองแบบ คือตั้งใจให้มีมาตั้งแต่ขั้นการออกแบบก่อสร้าง และอีกอย่างคือใช้สำหรับการ
แก้ปัญหาในการ เปลี่ยนลุคอาคาร อย่างตึกแถวอายุมากในเมืองหรืออาคารที่เช่ามาด้วยข้อกำหนด
ที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไร ได้มาก ฟาซาดคือการสัมผัสกับตัวอาคารเบาๆ แต่เปลี่ยนเยอะ พูด
ง่ายๆ ก็คือทำน้อยแต่ Effect เยอะ สำหรับบ้านที่อยู่อาศัย ฟาซาดก็เกี่ยวข้องกับเทรนด์ของงาน
ออกแบบด้วยยุคหนึ่งเราต้องการเปิดออกมากๆ แต่บาง ทีก็ไม่ต้องการโชว์เลย หรืออยากโชว์แต่ไม่
เอิกเกริก ซึ่งความย้อนแย้งอันนี้เป็นความขัดแย้งที่มีเสน่ห์ และผมมองว่า ฟาซาดนี่แหละที่เข้ามาอยู่
ตรงกลางระหว่างสองเรื่องนี้ที่ต่างกันสุดขั้ว
ปัญหาสำหรับบ้านในเมืองไทย ก็จะเป็นเรื่องแสงสว่าง ความร้อน การระบายอากาศ ซึ่งเราต้องการ
แสงสว่างและการ ระบายอากาศ แต่แน่นอนมันก็มาพร้อมกับความร้อน ฟาซาดดีไซน์ก็มีมาเพื่อสิ่ง
นี้แหละมันคือความคิดสร้างสรรค์ใน การออกแบบเพื่อการปกป้องบ้านหรืออาคาร ทั้งเรื่องความ
ปลอดภัยความเป็นส่วนตัว อารมณ์ และการอยู่สบาย
นวัตกรรมวัสดุอะคริลิก กับฟาซาดอาคาร
เราจะสื่อสาร เดินทางไปกับวัสดุชิ้นไหน เราต้องเข้าใจเขาก่อน ไม่มีวัสดุไหนในโลกที่ดีสุด หรือแย่
สุดมันเป็นความ เหมาะสมในการใช้ของแต่ละโจทย์ สถาปนิกจึงต้องบาลานซ์ในเรื่องการใช้วัสดุให้
ดีอะคริลิกมีข้อดีที่ตอบกับไลฟ์สไตล์การใช้อาคารหลายอย่าง ด้วยพื้นฐานวัสดุที่สามารถกันน้ำ
กันเปียกได้ บวกกับ คุณสมบัติที่เราต้องการกรองแสง กันความร้อน ก็สามารถเลือกค่าการกรองแสง
หรือความทึบในสเปคที่ต้องการ บางคนอาจจะคิดว่าแผ่นอะคริลิกเป็นแค่หลังคาหรือชายคา แต่เรา
อาจจับมาพลิกแพลงเป็นผนังหรือพื้นก็ได้ คือ ฟังก์ชั่นมันได้อยู่แล้ว แต่ปรากฏการณ์หลังจากนั้นมัน
เกิดอะไรบ้าง มันอาจจะให้คำตอบมากกว่าเรื่องของฟังก์ชั่น แต่เป็นการตอบคำถามในเรื่องอารมณ์
ช่วงเวลาของแสงทำให้อาคารดูมีมิติขึ้น ผมมองว่ามันคือการที่เราเล่นกับ ปรากฏการณ์ของมันที่เกิด
ขึ้นข้อควรคำนึงของการออกแบบฟาซาดคือ เราไม่ได้ต้องการการใช้งานในแง่ของความแข็งแรง แต่
เราต้องการมิติทางการมองเห็น ความรู้สึก การสื่อสาร รวมถึงความปลอดภัย เพราะฟาซาดอยู่ด้วย
ตัวเองไม่ได้ต้องพึ่งพาโครง สร้าง ซึ่งอะคริลิกเองก็มีน้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย การจัดการระหว่าง
ก่อสร้าง ไปจนถึงการดูแลรักษาซ่อมแซมก็ทำ ได้ง่าย
อีกเรื่องของอะคริลิกคือ นวัตกรรมของตัววัสดุที่ไปไกลมากแล้ว คุณสมบัติเรื่องความคงทน สี การ
ดัดโค้ง ความ หลากหลายให้เลือกมาใช้งานมีมากมายแน่นอนอยู่แล้ว แต่หลังจากการใช้งาน วัสดุ
อะคริลิกสามารถรียูสได้ หรือ ถ้าเสียหายก็สามารถเอาไปรีไซเคิลได้ สิ่งที่เราทำตอนนี้เป็นปัจจัยสี่
ของมนุษย์ เราหนีไม่พ้นเคมีภัณฑ์หรอก แต่ จะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ใช้อย่างมีเหตุ
และ ผลแล้วก็เวียนกลับมาใช้งานได้ใหม่อีกครั้ง
"LINK" งานฟาซาดดีไซน์ในงานสถาปนิก '65
เราดีไซน์จากเศษอะคริลิกชิ้นเล็กที่สุด เพื่อทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด คือเราคิดในจุดที่มันเล็กที่สุด
เท่าที่จะเกิด ขึ้นได้แล้ว การคิดเล็กไปใหญ่มันง่ายกว่าคิดใหญ่ไปเล็ก เราคำนึงถึงการออกแบบที่ได้
ใช้วัสดุอย่างคุ้มค่า ไม่เหลือ เศษ การคิดตั้งแต่ต้นทาง สู่ปลายทาง ผ่านภาษาการออกแบบ ด้วย
ข้อดีของอะคริลิกชิ้นเล็กที่น้ำหนักเบา แต่ แข็งแรง ประกอบสร้างเป็นฟอร์มใหม่ทำได้ง่าย และยัง
สามารถเชื่อมโยงไปกับวัสดุอื่นๆ ได้อีก แทรกซึมเข้าไปได้ ทั้งกับงานภายใน ภายนอก หรือ
เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ ผมมองว่ามันหมดยุคแล้วที่เราจะ One Man Show โชว์ทุกอย่างในวัสดุเดียว
เรามองว่าทุกคนทุกสิ่งครอสกันได้ ทั้งตัววัสดุเองที่ประยุกต์จากแผ่นหลังคาไปทำเป็นอย่างอื่น
ได้ไหม หรือประกอบร่วมกับวัสดุอื่นได้ไหม ผมว่ามัน น่ารักดี เลยอยากลองพาวัสดุชิ้นนี้ไปในมิติ
อื่นดู